ผู้เขียน l ชีวิตอาจไม่ยืนยาว แต่ขอให้วรรณกรรมนี้ยังคงอยู่เป็นเครื่องประดับปัญญาชน(ฟรี)... (ลิขสิทธิ์การจัดพิมพ์จำหน่าย)
.
วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558
เรื่องที่ 22 กะลาสี
กาลครังหนึ่งนานมาแล้ว มีเรือลำใหญ่ลำหนึ่ง เที่ยวท่องไปในมหาสมุทรเพื่อไปให้ถึงดินแดนอัน อุดมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่บนฝั่งมหาสมุทรอันไกลโพ้น
เรือลำนั้นได้บรรทุกกับตันเรือ ลูกเรือ และผู้โดยสารอีกหลายคน ทุกคนเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข บ้างก็ร้องเพลง บ้างก็เต้นรำ
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกครื้นเครงอยู่บนเรือนั้นเอง ก็มีเหตุการณ์อันน่าสพรึงกลัวเกิดขึ้น
พายุ ใหญ่ได้พัดโหมกระหนำ่เข้าสู่เรืออย่างหนัก เสียงแห่งความสุขได้หลุดลอยหายไป เปลี่ยนเป็นเสียงแห่งความทุกข์ขึ้นแทน เสียงแผดร้อง โหนหวนดังอึงคนึงจ้าระหวั่นไปทั่ว ทุกคนต่างวิ่งหนีภัย หลีกหนีความตาย
พายุใหญ่ตีเรือแตกเป็นเสี่ยงๆ กำตันเรือ ลูกเรือ และผู้โดยสารทุกคนต้องจมหายไปในทะเล เหลือเพียงกลาสีหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้นที่ไหวตัวทัน เขาได้นำเรือลำเล็กออกจากเรือลำใหญ่ก่อนหน้าที่เรือจะแตก ด้วยความรอบคอบเขาได้นำน้ำและเสบียงอาหารติดตัวไปด้วย
กะลาสีหนุ่มพายเรือมุ่งหน้าไปเรือยๆ แต่อย่างไรเสียก็ยังมองไม่เห็นฝั่ง เขาพายเรืออยู่อย่างนั้นได้หลายสิบวัน เป็นระยะทางแสนไกล ในที่่สุดเสบียงอาหารก็หมดลง
แต่...กะลาสีหนุ่มก็ยังคงพายเรือต่อไปในทิศทางเดิม ในที่สุดน้ำดื่มก็ร่อยหรอลง แต่กะลาสีหนุ่มก็พายเรือต่อไปในทิศทางเดิมอย่างมันคง
พายมาไกลแสนไกลก็ยังไม่เห็นทีท่าว่าจะถึงฝั่ง กะลาสีหนุ่มเริ่มไม่มั่นใจในทิศทางที่ไป เขาเริ่มเคลือบแคลง " เอ๊ะหรือเราพายมาผิดทาง จึงไม่ถึงฝั่งสักที ชลอยเราจะมาผิดทางแล้ว" ว่าแล้วกะลาสีหนุ่มก็ปรับหัวเรือใหม่หมุนไปอีกทางหนึ่ง และพายเรือต่อไป
.....อนิจจา กะลาสีหน่มหารู้ไหมว่าการที่เขาเคลือบแคลงในเส้นทางที่เดิน แล้วเปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่นั้น มันทำให้ระยะทางกว่าจะถึงฝังไกลแสนไกลกว่าเดิม ทั้งๆที่จริงๆแล้วอีกไม่นานในเส้นทางนี้เขาก็จะถึงฝั่งอยู่แล้วเชียว.