กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระเซนได้ได้พาชาวเมืองกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นโรคชนิดหนึ่ง คือ โรคแห่ง "ความท้อแท้ ถอดใจ " ชาวเมืองกลุ่มนี้เมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ ก็จะรู้สึกเศร้าเสียใจ ท้อแท้ หมดหวัง ไม่มีพลังอยากทำเรื่องนั้นอีกต่อไป เมื่อทุกคนเดินทางมาถึงแล้ว พระเซนก็พูดขึ้นว่า
พระเซน : เฮ้า ทุกคน ป่าไม้ข้างหน้า คือ ป่าต้นแสงจันทร์ ให้ทุกคนไปสำรวจดูซิ จะเห็นอะไรบ้าง
พอทุกคนเริ่มก้าวเข้าไปในป่าเ่ท่านั้นแหละ
กรี๊ดดดดด หนอนเต็มไปหมดเลย ตัวโต๊โต น่าเกียจน่ากลัวจังเลย
ว้ายยยย ทางนี้ก็มี ทางนั้นก็มี เต็มไปหมดเลย ฮึย มีลาย มีขน น่ารังเกียจที่สุดเลย
ทุกคนต่างพากันวิ่งหนีหนอนกันให้วุ่น เพราะกลัวหนอนเหล่านั้นจะมาโดนตัวตนเอง
พระเซน : เฮ้า ๆ พอแล้ว ออกมาได้แล้ว ต่อไปทุกคนลองเข้าไปสำรวจในสวนเซนของวัดเราซิ จะเห็นอะไร
สวนเซนเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายพรรณ มองดูดาษดื่นตาเป็นยิ่งนัก ชาวเมืองต่างพากันชื่นชมดอกไม้อย่างมีความสุข และยิ่งเพลินใจมากขึ้นเมื่อได้เห็นเหล่าผีเสื้อนับพันตัว บินวนเวีนรอบตัวไปมา มีแต่ตัวใหญ่ๆทั้งนั้นเลย ลวดลายบนปีกช่างสวยงามยิ่งนัก บางคนถึงกับยืนเป็นหุ่นนิ่งเพื่อให้ผีเสื้อมาเกาะตัวเล่น เล่นกับผีเสื้อได้ไม่นานพระเซนก็ส่งสญญาณหมดเวลา
พระเซน : ท่านเห็นอะไรบ้าง จากเหตุการณ์ทั้งสอง
ชาวเมือง : เหตุการณ์ที่ 1 มีแต่หนอนน่ารังเกียจ ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 มีแต่ผีเสื้อน่ารักๆ
พอได้ฟังเท่านั้นพระเซนก็นิ่งเงียบ แล้วค่อยพูดเบาๆว่า
"เฮ้อ ทำไมหนอมนุษย์เราจึงเลือกที่จะรักเฉพาะผีเสื้อ แต่รังเกียจหนอน ทั้งที่สองสิงนี้คือสิ่งเดียวกัน ทำไม่ไม่รักทั้งผีเสื้อ รักทั้งหนอน เพราะไม่มีผีเสื้อตัวไหนที่ไม่เคยเป็นหนอนมาก่อน” ชาวเมืองทุกคนพอได้ฟังอย่างนั้น ก็นิ่งเงียบ คิดตาม จากนั้นพระเซนจึงพูดต่อไปอีกว่า
การที่เราจะกระทำการสิ่งใดสำเร็จได้ก็เหมือนกัน ล้วนแต่ต้องอาศัยประสบการณ์จากความล้มเหลวทังสิ้น ความล้มเหลวในวันนี้แหละจะเป็นประสบการณ์ที่ดี จะเป็นบันไดไต่ไปสู่ความสำเร็จให้เราในวันหน้า เอดิสันผลิตหลอดไฟครั้งแล้วครั้งเล่านับหมืนครั้ง จึงสามารถผลิตหลอดไฟได้ ถ้าเขาท้อแท้ ถอดใจก่อน เราคงไม่มีไฟฟ้าใช้ในวันนี้แน่
นักปราชน์ทั้งหลายเมื่อทำการใดไม่สำเร็จ เขาจะบอกตัวเองว่า อย่างน้อยเราก็ค้นพบว่ามีวิธีที่ทำไม่สำเร็จเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวิธี ฉนั้นแล้วขอเราอย่าได้รังเกียจความล้มเหลวอีกต่อไปเลย ต้องขอบคุณความล้มเหลวถึงจะถูก เพราะมันคือหนอนที่จะนำไปสู่ความเป็นผีเสื้อให้เรานั่นเอง
สวนเซนเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายพรรณ มองดูดาษดื่นตาเป็นยิ่งนัก ชาวเมืองต่างพากันชื่นชมดอกไม้อย่างมีความสุข และยิ่งเพลินใจมากขึ้นเมื่อได้เห็นเหล่าผีเสื้อนับพันตัว บินวนเวีนรอบตัวไปมา มีแต่ตัวใหญ่ๆทั้งนั้นเลย ลวดลายบนปีกช่างสวยงามยิ่งนัก บางคนถึงกับยืนเป็นหุ่นนิ่งเพื่อให้ผีเสื้อมาเกาะตัวเล่น เล่นกับผีเสื้อได้ไม่นานพระเซนก็ส่งสญญาณหมดเวลา
พระเซน : ท่านเห็นอะไรบ้าง จากเหตุการณ์ทั้งสอง
ชาวเมือง : เหตุการณ์ที่ 1 มีแต่หนอนน่ารังเกียจ ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 มีแต่ผีเสื้อน่ารักๆ
พอได้ฟังเท่านั้นพระเซนก็นิ่งเงียบ แล้วค่อยพูดเบาๆว่า
"เฮ้อ ทำไมหนอมนุษย์เราจึงเลือกที่จะรักเฉพาะผีเสื้อ แต่รังเกียจหนอน ทั้งที่สองสิงนี้คือสิ่งเดียวกัน ทำไม่ไม่รักทั้งผีเสื้อ รักทั้งหนอน เพราะไม่มีผีเสื้อตัวไหนที่ไม่เคยเป็นหนอนมาก่อน” ชาวเมืองทุกคนพอได้ฟังอย่างนั้น ก็นิ่งเงียบ คิดตาม จากนั้นพระเซนจึงพูดต่อไปอีกว่า
การที่เราจะกระทำการสิ่งใดสำเร็จได้ก็เหมือนกัน ล้วนแต่ต้องอาศัยประสบการณ์จากความล้มเหลวทังสิ้น ความล้มเหลวในวันนี้แหละจะเป็นประสบการณ์ที่ดี จะเป็นบันไดไต่ไปสู่ความสำเร็จให้เราในวันหน้า เอดิสันผลิตหลอดไฟครั้งแล้วครั้งเล่านับหมืนครั้ง จึงสามารถผลิตหลอดไฟได้ ถ้าเขาท้อแท้ ถอดใจก่อน เราคงไม่มีไฟฟ้าใช้ในวันนี้แน่
นักปราชน์ทั้งหลายเมื่อทำการใดไม่สำเร็จ เขาจะบอกตัวเองว่า อย่างน้อยเราก็ค้นพบว่ามีวิธีที่ทำไม่สำเร็จเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวิธี ฉนั้นแล้วขอเราอย่าได้รังเกียจความล้มเหลวอีกต่อไปเลย ต้องขอบคุณความล้มเหลวถึงจะถูก เพราะมันคือหนอนที่จะนำไปสู่ความเป็นผีเสื้อให้เรานั่นเอง